การ์ตูนผี

เล่าเรื่องผี การ์ตูนผี ช่อง indy99

วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ผีเหรียญ คกคุริซัง Kokkuri San

 ผีเหรียญ คกคุริซัง Kokkuri San

ผีเหรียญญี่ปุ่น

ผีเหรียญคือคกคุริซังเป็นการเรียกผีญี่ปุ่นเพื่อมาถามข้อข้องใจหรือเป็นการทดสอบความกล้าประเภทหนึ่งโดยใช้ของประกอบพิธีเพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งก็คือเหรียญ 100 เยน คนเล่นสองคนขึ้นไป และแผ่นกระดาษที่มีตัวอักษรฮิรากานะ ตัวเลข เสาโทริอิหรือเสาสีแดงๆ ที่เรามักจะเห็นก่อนเข้าศาลเจ้าญี่ปุ่น และประโยคคำว่า ใช่ ไม่ใช่ ทางเข้าและทางออก 

เริ่มแรกให้นำเหรียญวางตรงเสาโทริอิและผู้เล่นทุกคนเอานิ้วแตะเหรียญไว้จากนั้นก็ท่องคาถาและเรียกชื่อคกคุริซังซ้ำ สามครั้ง หากคกคุริซังมาแล้ว เหรียญจะเคลื่อนออกจากเสาโทริอิไปยังทางเข้า จากนั้นก็สามารถเริ่มถามคำถามที่ต้องการได้ แต่ต้องจำไว้ว่าผีมักหลอกลวงคนเป็น คำตอบที่ได้มาอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด นอกจากนี้การตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นความตายถือเป็นอันตรายอย่างที่สุดเพราะสามารถชี้นำให้วิญญาณทำอันตรายแก่ผู้เล่นได้

แต่ก็มีอีกความเชื่อหนึ่งบอกว่าการเล่นผีเหรียญของญี่ปุ่นอันตรายน้อยกว่าการเรียกผีของประเทศอื่นๆ เพราะว่าคกคุริซังเป็นวิญญาณของสัตว์ที่รับใช้เทพเจ้าจึงสามารถผ่านเสาโทริอิบนกระดาษเข้ามาตอบคำถามผู้เล่นได้ คกคุริซังมีรูปลักษณ์และอุปนิสัยที่ผสมผสานกันระหว่างสัตว์สามตัว นั้นก็คือ สุนัขจิ้งจอก ทานุคิ และสุนัข สุนัขจิ้งจอกมีนิสัยเจ้าเล่ห์ ทานุคิชอบเล่นซุกซน ส่วนสุนัขจะเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องผู้เล่น

แม้จะมีอันตรายน้อยเพียงใด ผู้เล่นก็สามารถถูกสิงได้หากจิตใจไม่แข็งแรงพอ หรือบังเอิญเรียกวิญญาณร้ายมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ผลลัพธ์นั้นอาจเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน อาจก้าวร้าวมากขึ้น ทำร้ายคนรอบข้าง หรือบางคนก็ถูกวิญญาณร้ายสิงจนเสียสติไปเลย ดังนั้นผู้เล่นจะต้องเป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่งและไม่มีความคิดในแง่ลบ 

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อหมดคำถามก็ต้องอัญเชิญคกคุริซังกลับไปยังทางออกและผ่านเสาโทริอิอีกครั้ง และทำลายกระดาษด้วยการเผาหรือฉีกเป็นชิ้นๆ ส่วนเหรียญ 100 เยนก็ต้องใช้ก่อนหมดวันถัดไป เพราะการเก็บกระดาษหรือเหรียญที่เป็นสื่อเรียกวิญญาณ จะทำให้พบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติได้ง่ายขึ้น

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผีเปรตไทย

 ผีเปรตไทย

ผีเปรต

เปรต คือ อมนุษย์ หรือ ผี ประเภทหนึ่ง ซึ่งคนไทยในสมัยโบราณเชื่อว่าเปรตคือคนที่กระทำบาปหนัก เช่น ฆ่าสัตว์ฆ่าคน ทรมานสิ่งมีชีวิตเป็นประจำ โดยเฉพาะเด็กหรือผู้ที่กระทำความผิดต่อพระสงฆ์ ผู้นับถือศาสนา ผู้ที่มีบุญคุณหรือพ่อแม่ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการทำร้ายทางกาย วาจาหรือใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนถือเป็นกรรมหนัก เมื่อตายไปจะเกิดเป็นผีเปรต ต้องทนทุกทรมานจากกรรมที่เคยกระทำในยามเป็นมนุษย์จนกว่ากรรมนั้นจะหมดลงหรือสั่งสมบุญกุศลที่ผู้อื่นแผ่เมตตาให้ จึงจะสามารถไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีได้

บางความเชื่อบอกว่าแท้จริงแล้วเปรตคือสัตว์นรกที่ดวงวิญญาณไม่บริสุทธิ์พอที่จะเกิดใหม่ จึงต้องมาขอบุญกุศลจากผู้มีบุญ ทั้งนี้ยังมีความเชื่อที่แปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่งบอกว่าเปรตเกิดจากผู้ที่ตายโดยไม่ได้รับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วิญญาณจะไม่ได้เข้าสู่เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ และจะกลายเป็นเปรต หากปล่อยไว้เช่นนี้นานกว่าหนึ่งปี เปรตตนนั้นก็จะต้องเป็นเปรตไปชั่วนิรันดร์ 

เปรตมีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่ตัวสูงเท่าต้นตาล คอยาว ผอมโซ แขนขาเล็กลีบ มือใหญ่เท่าใบตาล มีร่างกายที่เน่าเฟะเหมือนศพ บ้างก็มีสิ่งสกปรกหรือสิ่งปฏิกูลอยู่เต็มร่างกายส่งกลิ่นเหม็นเน่าน่ารังเกียจ พวกมันมีท้องใหญ่แสดงให้เห็นว่าต้องการอาหารจำนวนมากแต่กลับมีปากเล็กเท่ารูเข็มทำให้ไม่สามารถกินอะไรได้ พวกมันจึงมีอาการหิวโหยและอดอยากอยู่ตลอดเวลา และส่งเสียงกรีดร้องเล็กแหลมเหมือนคนผิวปาก เรียกว่าเปรตขอส่วนบุญ แม้ว่าจะมีอาหารจะผ่านปากที่เล็กเท่ารูเข็มได้ แต่อาหารนั้นก็จะกลายเป็นลูกไฟหรือแห้งเหี่ยวไปต่อหน้า ส่วนน้ำก็จะกลายเป็นผงทราย ไม่สามารถบรรเทาความหิวโหยของพวกมันได้ บางตำนานยังบอกอีกว่าเปรตมองเห็นคนแต่คนมองไม่เห็นเปรต สิ่งที่พวกมันมองเห็นจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ไม่น่ามองเสมอ เช่น คนมองสายน้ำเห็นน้ำใส แต่ถ้าเปรตมองน้ำสายเดียวกัน กลับจะเห็นเป็นน้ำหนองหรือเลือดแทน

นอกจากเรื่องของอาหารแล้ว เปรตยังต้องทุกข์ทรมานกับความร้อนและความหนาวเย็นตลอดเวลา ยามกลางวัน แสงอาทิตย์จะแผดเผาร่างของพวกมันราวกับไฟนรก และยามกลางคืน แสงจันทร์ที่สาดส่องก็จะทำให้ร่างของพวกมันหนาวยะเยือกราวกับอยู่ในขั้วโลกใต้ 

เปรตถือเป็นผีที่รักสงบ มันปรากฏกายเพียงเพื่อขอส่วนบุญเท่านั้น เพื่อที่จะได้สะสมบุญมากพอสำหรับไปเกิดใหม่ หลุดพ้นจากทุกข์และความทรมาน 
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนที่มีสัมผัสทางวิญญาณจะพบเห็นเปรตมาขอส่วนบุญ
 
เนื่องจากลักษณะของเปรตที่ตัวสูงยาวเหมือนเสาไฟฟ้า และมักปรากฏตัวในยามกลางคืนหรือโพล้เพล้ ทำให้หลายคนตาฝาดหรือเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองมองเห็นเปรตบ่อยๆ และเรื่องราวความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเปรตที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น เปรตวัดสุทัศน์ ที่เล่ากันว่าวัดแห่งนี้มักมีเปรตปรากฏกายในเวลากลางคืนเป็นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องนี้มีที่มาจากภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูปเปรตตนหนึ่งนอนพาดกาย และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ แต่ก็มีคนบางกลุ่มบอกว่าเปรตนั้นไม่มีจริง มันเป็นเพียงเงาของเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัดต่างหาก จนถึงปัจจุบันนี้ ผู้คนก็ยังเชื่อในเรื่องของเปรต แม้ว่าจะไม่มีคำอธิบายหรือหลักฐานที่แสดงถึงการมีอยู่ของเปรตอย่างแท้จริงก็ตาม 

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เปรตญี่ปุ่น จิคินินคิ

 เปรตญี่ปุ่น จิคินินคิ

เปรตญี่ปุ่น จิคินินคิ

เปรตญี่ปุ่นหรือจิคินินคิ เกิดจากวิญญาณของคนโลภ คนที่เห็นแก่ตัว คนที่ทำความชั่วหรือคนที่กินคนมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นจิคินินคิ พวกมันจะถูกสาปให้ต้องกินเครื่องเซ่นไหว้สำหรับคนตายหรือศพมนุษย์ บางครั้งก็แอบลักขโมยของมีค่าไปด้วย

จิคินินคิมีสภาพกึ่งคนกึ่งผี มีลักษณะเหมือนซากศพที่กำลังเน่าเปื่อย มีกลิ่นเหม็นสาปอย่างรุนแรง บางครั้งก็อาจจะมีลักษณะไม่เหมือนมนุษย์ เช่น มีกรงเล็บยาว ฟันที่แหลมคมสำหรับฉีกทิ้งเนื้อ หรือ ดวงตาที่เรืองแสงสีแดง นอกจากนี้พวกมันยังมีพลังลวงหรือสามารถแปลงกายให้ดูเหมือนคนทั่วไปและใช้ชีวิตในยามกลางวันเหมือนคนปกติ แต่จะไม่ค่อยออกจากบ้านตอนกลางวัน ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ออกจากบ้าน และไม่มีการติดต่อกับมนุษย์ อยู่อาศัยในกระท่อมที่เก่า กระท่อมร้างหรือใช้งานไม่ได้ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชน เพราะพวกมันมองว่ามนุษย์คืออาหารที่บรรเทาความหิวโหยชั่วคราว

เป้าหมายหลักของพวกมันคือศพที่เพิ่งตายใหม่ๆ หากบ้านใดจัดพิธีศพก็จะต้องหาคนมาเฝ้าศพไว้ และต้องระวังไม่ให้เทียนไขดับ เพราะจิคินินคิจะแปลงกายเป็นเงาหาโอกาสมาแอบกินซากศพ หากถูกจิคินินคิกิน วิญญาณจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดจนกว่าจิคินินคิตนนั้นจะตายลง

มีตำนานผีญี่ปุ่นเล่าว่าในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนหุบเขา มีพระประจำหมู่บ้านที่ทำพิธีศพให้ชาวบ้านนานหลายสิบปี พระรูปนั้นไม่ได้ตั้งใจทำพิธีศพให้ผู้ตาย สนใจแต่เรื่องเงิน จึงเรียกค่าใช้จ่ายเกินควร เงินที่ได้มาก็นำไปใช้ในทางอบายมุข เมื่อตายไปจึงกลายเป็นจิคินินคิ ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากความหิวโหย กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม ถูกบังคับให้กินศพคนตาย ทั้งยังคร่ำครวญถึงสภาพอันน่าเวทนาและความเกลียดชังที่มีต่อการกินเนื้อมนุษย์สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผีกระสือ(ไทย)

 ผีกระสือ(ไทย)

ผีกระสือไทย

กระสือเป็นผีประเภทหนึ่งที่อยู่คู่กับความเชื่อของชาวไทยมาแต่โบราณ ผีกระสือคือผีของหญิงสาวที่ที่บูชาไสยศาสตร์มนต์ดำ แต่ทำผิดข้อห้ามบางประการทำให้ถูกมนต์ดำย้อนกลับเข้าตัวจนกลายเป็นผีกระสือ 
แต่บางคนก็เชื่อว่าผีกระสือนั้นเกิดจากคนที่ทำบาปหนักในชาติที่แล้ว เช่น ทำแท้ง หรือ ฆ่าคน เมื่อเกิดใหม่บาปกรรมนั้นก็ส่งผลให้เกิดเป็นภูตผีปีศาจ ต้องกินสิ่งสกปรก กินของดิบและของเน่าเสียประทังความหิวโหย

ผีชนิดนี้มีเพียงเพศหญิงเท่านั้น ส่วนใหญ่กระสือจะเป็นหญิงสาว อายุน้อย หน้าตาสะสวย ภายนอกดูเหมือนคนปกติที่มีผิวสีขาวซีดเผือด ริมฝีปากแดงจัด มีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น ชอบกินของดิบๆ คาวๆ หรือเลือดสดๆ ชอบอยู่ในบ้านมืดๆ คนเดียว  ไม่ชอบออกจากบ้านยามกลางวัน บางครั้งก็ถึงกับไม่ชอบแสงสว่าง ไม่ชอบแสงอาทิตย์เลยก็มี แต่บางคนก็พบกระสือที่เป็นหญิงชราอายุมากได้เช่นกัน มีเรื่องน่าสนใจว่าในบริเวณที่พบผีกระสือก็มักจะพบเจอผีกระหังซึ่งมีแต่เพศผู้ด้วย ทำให้ผู้คนเชื่อว่ากระสือและกระหังเป็นผีผัวเมียกัน 

กระสือจะถอดหัวออกจากร่างในตอนกลางคืน โดยมีอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ลำไส้ หลุดออกมาด้วย จากนั้นก็ออกบินตามหาของโสโครกหรือของสดคาวกินแล้วจึงกลับไปเข้าร่างก่อนอาทิตย์ขึ้น ในยามที่ถอดร่างบินไปบนท้องฟ้า ร่างของกระสือจะเรืองแสงทำให้มองเห็นเป็นลูกไฟสีแดงหรือสีเขียวลอยอยู่บนท้องฟ้า บริเวณที่มีข่าวเล่าเรื่องผีกระสือออกอาละวาดมักจะมีสัตว์เลี้ยง เช่น หมู ไก่ วัว ควาย ตายอย่างเป็นปริศนา บ้างก็ถูกดูดเลือดจนแห้ง บ้างก็ถูกกินอวัยวะภายใน

ถ้าบ้านใครเพิ่งคลอดลูกหรือมีสัตว์เกิดใหม่ จะต้องรีบล้างกลิ่นเลือดและทำความสะอาดก่อนพระอาทิตย์ตก เพราะเชื่อว่ากลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมาและกินตับไตไส้พุงของหญิงที่คลอดลูกหรือของทารกที่เพิ่งคลอด ชาวบ้านสมัยก่อนจึงมักจะปลูกต้นไม้ที่มีหนามแหลมไว้ริมรั้ว หรือนำหนามไปพันไว้กับร่องหรือรูต่างๆ ร่องใต้ถันบ้านที่มีรู เพราะเชื่อว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้ เมื่อทำเช่นนี้แล้วมันก็จะกลัว ไม่กล้าเข้าบ้านหลังนั้น บางครั้งผีกระสือที่กินของโสโครกแล้วก็จะเอาปากไปเช็ดผ้าที่ชาวบ้านตากไว้นอกบ้าน เชื่อกันว่าหากเอาผ้านั้นไปต้ม กระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มต่อไป ก็จะรู้ว่าใครเป็นกระสือ 

หากรู้ตัวกระสือก็จะมีวิธีจัดการกับ3วิธีคือ
1.ทำลายร่างตอนที่กระสือออกจากร่างไปล่าเหยื่อ
2.เอาร่างของกระสือไปซ่อนหรือพลิกร่างนั้นให้กลับหัวกลับหาง เมื่อกระสือกลับเข้าร่างไม่ได้ มันก็จะทุรนทุรายถูกแสงอาทิตย์เผาตายในตอนเช้า
3.ตัดลำไส้ของกระสือ

เมื่อกระสือหมดอายุขัย หากไม่ได้ส่งต่อความเป็นกระสือให้กับคนอื่น พวกมันก็จะไม่ตาย แต่จะต้องเจ็บปวดทรมานอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะคายน้ำลายส่งต่อให้ผู้อื่นเป็นกระสือตัวต่อไปแล้วจึงจะตายได้อย่างสงบ เชื่อว่าเป็นคำสาปอย่างหนึ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์กระสือคงอยู่ต่อไป ส่วนผู้ที่กลายเป็นกระสือก็จะต้องเป็นไปเช่นนั้นตลอดชีวิต ไม่มีทางหาย มีเพียงการกำจัดผีกระสือตัวปัจจุบันเท่านั้นที่จะทำให้ชุมชนสงบสุขและเป็นการกำจัดกระสืออย่างแท้จริง

วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566

แฝดปีศาจมรณะดอพเพิลเกงเกอร์

 แฝดปีศาจมรณะดอพเพิลเกงเกอร์

แฝดปีศาจมรณะดอพเพิลเกงเกอร์

ดอพเพิลเกงเกอร์ แปลว่า แฝดปีศาจ หรือ แฝดมรณะ เป็นปีศาจที่ถือกำเนิดจากมนุษย์ที่ถือว่าเป็นร่างต้นแบบ มีลักษณะที่เหมือนกับร่างต้นแบบทุกประการเพียงแต่ไม่มีเงา ไม่มีภาพสะท้อนบนกระจกหรือน้ำ และเป็นขั้วตรงข้ามของคนๆ นั้น หากเราเป็นคนดี ดอพเพิลเกงเกอร์ของเราก็จะเป็นคนร้าย หากเราเป็นคนร้าย ดอพเพิลเกงเกอร์ก็จะเป็นคนดี หากเราป่วย ดอพเพิลเกงเกอร์จะแข็งแรง และหากเราแข็งแรง ดอพเพิลเกงเกอร์ก็จะป่วย พวกมันจะปรากฏตัวในแบบที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เช่น ปรากฏตัวสองคนในพื้นที่คนละซีกโลกในช่วงเวลาเดียวกัน หรือปรากฏตัวในเวลาเดียวกันกับที่ที่เจ้าของร่างเสียชีวิตไปแล้ว 


ดอพเพิลเกงเกอร์จะปรากฏตัวในยามที่เจ้าของร่างอ่อนแอ เมื่อหายดี ดอพเพิลเกงเกอร์ก็จะหายไป บ้างก็ว่าเป็นแค่ปรากฏการณ์วิญญาณออกจากร่าง การปรากฏตัวของดอพเพิลเกงเกอร์ถือเป็นสัญญาณแห่งความโชคร้าย ความเจ็บป่วยหรือภยันตรายที่จะเกิดกับผู้ที่พบเห็นดอพเพิลเกงเกอร์ หรือเกิดกับร่างต้นแบบของดอพเพิลเกงเกอร์ มีบางกรณีที่ดอพเพิลเกงเกอร์มาเพื่อช่วยเหลือหรือบอกข่าวสำคัญบางอย่าง แต่ที่น่ากลัวก็คือกรณีที่ดอพเพิลเกงเกอร์รับเอาความอาฆาตแค้นและความพยาบาทมาจากร่างต้นแบบ ก่อนจะพวกมันก็จะออกจากร่างต้นแบบไปก่ออาชญากรรม ทำร้ายผู้คน หรือทำร้ายร่างต้นแบบจนตาย


มีความเชื่อเก่าแก่อย่างหนึ่งบอกว่าหากพบเจอคนที่หน้าเหมือนกันจะเสียชีวิตภายในหนึ่งปีนั้นเนื่องมาจากดอพเพิลเกงเกอร์อิจฉาร่างต้นแบบ มันจะหาทางกำจัดร่างต้นแบบทิ้งเพื่อให้ได้ครอบครองร่างและมีเงา กลายเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่มีใครสงสัยเพราะลักษณะภายนอกที่คงเดิม แต่นิสัยจะเปลี่ยนไปแบบสุดขั้ว บางครั้งมันก็อาจสิงเจ้าของร่างเพื่อเอาไปทำเรื่องเลวร้าย ซึ่งในระหว่างนั้นผู้ที่ถูกสิงจะไม่รู้สึกตัวหรือจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย บางครั้งมันก็สิงอยู่ในเงาบางคับให้ทำตามที่มันต้องการ โดยทั่วไปแล้วผู้คนจะแยกดอพเพิลเกงเกอร์จากคนปกติไม่ออก มีเพียงสุนัขและแมวเท่านั้นที่จะเห่าหรือขู่ใส่เงาของเจ้าของ

วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ปีศาจสุนัขจิ้งจอก คิตซึเนะ

 ปีศาจสุนัขจิ้งจอก คิตซึเนะ

ปีศาจสุนัขจิ้งจอก คิตซึเนะ

คิตซึเนะ หรือ ปีศาจจิ้งจอก ถือเป็นปีศาจที่ทรงพลังและชาญฉลาดมาก พวกมันสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ มีสติปัญญาที่ดีเลิศ เจ้าเล่ย์และมีความเชี่ยวชาญในวิทยาการและความรู้ของมนุษย์หลายแขนง รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนจิ้งจอกทั่วไป แต่อาจจะมีบางตนที่มีหลายหาง เชื่อว่าหางเหล่านี้จะงอกเพิ่มขึ้นหนึ่งหางทุกๆ 100 ปี และเมื่อมีครบเก้าหางก็จะทรงพลังถึงขึ้นสามารถควบคุมเวลาได้ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับปีศาจจิ้งจอกอีกอย่างหนึ่งก็คือหากฝนตกตอนที่แดดออก แสดงว่ามีงานแต่งงานของปีศาจจิ้งจอก ผู้คนไม่ควรออกจากบ้านเพราะอาจพบเจอเหล่าปีศาจได้ 


บางตำนานเชื่อว่าปีศาจจิ้งจอกถือเป็นสัตว์เทพที่คอยรับใช้เทพเจ้า เป็นตัวแทนในการรับฟังคำภาวนา ทำภารกิจและเป็นตัวแทนในการสื่อสารระหว่างมนุษย์และเทะเจ้าดังนั้นเราจึงมักจะเห็นรูปปั้นจิ้งจอกตามศาลเจ้าทั่วญี่ปุ่น ผู้คนที่เดินทางไปยังศาลเจ้าเหล่านี้มักจะถวายเต้าหู้ทอดซึ่งเป็นของโปรดของปีศาจจิ้งจอกด้วย


ในขณะที่บางตำนานการ์ตูนผีมองว่าปีศาจจิ้งจอกเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย สามารถควบคุมเปลวเพลิงหรือสายฟ้าได้ ชำนาญในการใช้มนสะกด สร้างภาพลวงตาและหลอกล่อมนุษย์ด้วยการแปลงกายเป็นทั้งบุรุษและสตรี พวกมันจำเป็นต้องใช้กะโหลกมนุษย์เพื่อการแปลงกายที่สมบูรณ์ดังนั้นมนุษย์ที่ตกเป็นเหยื่อจึงมักจะถูกฆ่าทิ้งและกรีดเอาหัวกะโหลกออกมา ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะปลอมเป็นหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์งดงามท่าทางบอบบาง มีตำนานโบราณมากมายเล่าถึงภัยพิบัติจากปีศาจจิ้งจอกที่แปลงกายมา ครั้งหนึ่งมันแปลงกายเป็นหญิงงามยั่วยวนบุรุษสูงศักดิ์ สร้างความเดือดร้อนและทุกข์ทรมานอย่างมากแก่ผู้คน ทั้งยังก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ ทำให้ผู้คนนับพันเสียชีวิต จึงกลายเป็นที่จดจำในเรื่องของความเหี้ยมโหดและชั่วร้าย 


แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังเชื่อว่าปีศาจจิ้งจอกชื่นชอบการแปลงกายเป็นหญิงสาวเพื่อดูดวิญญาณชายหนุ่มเพิ่มพลังของตนเอง หรือเข้าสิงร่างมนุษย์ทำให้คนๆ นั้นเสียสติ ในขณะที่บางตนก็เลือกที่จะอยู่กับมนุษย์ โดยการปลอมตัวและใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ มีคนรักและแต่งงานสร้างลูกหลานครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจจิ้งจอกสืบต่อไป

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผีเหรียญ คกคุริซัง Kokkuri San

 ผีเหรียญ คกคุริซัง Kokkuri San

ผีเหรียญ

ผีเหรียญคือคกคุริซังเป็นการเรียกผีของชาวญี่ปุ่นเพื่อมาถามข้อข้องใจหรือเป็นการทดสอบความกล้าประเภทหนึ่งโดยใช้ของประกอบพิธีเพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งก็คือเหรียญ 100 เยน คนเล่นสองคนขึ้นไป และแผ่นกระดาษที่มีตัวอักษรฮิรากานะ ตัวเลข เสาโทริอิหรือเสาสีแดงๆ ที่เรามักจะเห็นก่อนเข้าศาลเจ้าญี่ปุ่น และประโยคคำว่า ใช่ ไม่ใช่ ทางเข้าและทางออก 

เริ่มแรกของเรื่องเล่าผีของผีเหรียญ ให้นำเหรียญวางตรงเสาโทริอิและผู้เล่นทุกคนเอานิ้วแตะเหรียญไว้จากนั้นก็ท่องคาถาและเรียกชื่อคกคุริซังซ้ำ สามครั้ง หากคกคุริซังมาแล้ว เหรียญจะเคลื่อนออกจากเสาโทริอิไปยังทางเข้า จากนั้นก็สามารถเริ่มถามคำถามที่ต้องการได้ แต่ต้องจำไว้ว่าผีมักหลอกลวงคนเป็น คำตอบที่ได้มาอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด นอกจากนี้การตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นความตายถือเป็นอันตรายอย่างที่สุดเพราะสามารถชี้นำให้วิญญาณทำอันตรายแก่ผู้เล่นได้

แต่ก็มีอีกความเชื่อหนึ่งบอกว่าการเล่นผีเหรียญของญี่ปุ่นอันตรายน้อยกว่าการเรียกผีของประเทศอื่นๆ เพราะว่าคกคุริซังเป็นวิญญาณของสัตว์ที่รับใช้เทพเจ้าจึงสามารถผ่านเสาโทริอิบนกระดาษเข้ามาตอบคำถามผู้เล่นได้ คกคุริซังมีรูปลักษณ์และอุปนิสัยที่ผสมผสานกันระหว่างสัตว์สามตัว นั้นก็คือ สุนัขจิ้งจอก ทานุคิ และสุนัข สุนัขจิ้งจอกมีนิสัยเจ้าเล่ห์ ทานุคิชอบเล่นซุกซน ส่วนสุนัขจะเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องผู้เล่น

แม้จะมีอันตรายน้อยเพียงใด ผู้เล่นก็สามารถถูกสิงได้หากจิตใจไม่แข็งแรงพอ หรือบังเอิญเรียกวิญญาณร้ายมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ผลลัพธ์นั้นอาจเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน อาจก้าวร้าวมากขึ้น ทำร้ายคนรอบข้าง หรือบางคนก็ถูกวิญญาณร้ายสิงจนเสียสติไปเลย ดังนั้นผู้เล่นจะต้องเป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่งและไม่มีความคิดในแง่ลบ 

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อหมดคำถามก็ต้องอัญเชิญคกคุริซังกลับไปยังทางออกและผ่านเสาโทริอิอีกครั้ง และทำลายกระดาษด้วยการเผาหรือฉีกเป็นชิ้นๆ ส่วนเหรียญ 100 เยนก็ต้องใช้ก่อนหมดวันถัดไป เพราะการเก็บกระดาษหรือเหรียญที่เป็นสื่อเรียกวิญญาณ จะทำให้พบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติได้ง่ายขึ้น

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผีสิงบันได

ผีสิงบันได

ผีสิงบันได

ผีบันไดมีอยู่สองเวอร์ชั่น ซึ่งเวอร์ชั่นแรกจะบอกว่ามันสิงสถิตอยู่ตรงบันไดขั้นที่ 4 เนื่องจากเลข 4 ในภาษาญี่ปุ่นพ้องเสียงกับคำว่าความตาย จึงเชื่อว่าเป็นขั้นบันไดที่นำไปสู่ความตายหรือปรโลก ในขณะที่อีกเวอร์ชั่นหนึ่งจะบอกว่ามันสิงสถิตอยู่ระหว่างบันไดขั้นที่ 13 ระหว่างชั้นที่ 3 และชั้นที่ 4 ของอาคารเรียนเก่าๆ เป็นขั้นบันไดที่ทำหน้าที่เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์และมิติอื่นๆ 


หากพลัดหลงเข้าไปแล้วก็จะไม่สามารถออกมาได้อีก บ้างก็เชื่อว่าถ้าเหยียบบันไดขั้นนี้จะต้องมีอันเป็นไป เช่น ตกบันไดคอหักตาย ประสบอุบัติเหตุ ถูกผีสิง หรือเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งตามปกติแล้วขั้นบันไดในโรงเรียนประถมญี่ปุ่นจะมีเพียง 12 ขั้น แต่ในยามเที่ยงคืนตรง บันไดขั้นที่ 13 จะปรากฏออกมาอย่างลึกลับ ผีบันไดมีรูปลักษณ์เหมือนเด็กประถมทั่วๆ ไป บ้างก็ว่าเป็นเด็กชาย บ้างก็ว่าเป็นเด็กหญิง บางครั้งก็ปรากฏตัวเป็นเงาเลือนราง มีเจตนามุ่งร้ายและต้องการทำร้ายทุกคนโดยไม่เลือกหน้า


ตำนานการ์ตูนผีเล่าว่าผีบันไดขั้นที่ 13 คือเด็กประถมผู้โชคร้ายที่พลัดตกลงจากบันไดขั้นที่ 13 และคอหักตาย วิญญาณของเด็กคนนั้นจึงสิงสถิตอยู่ที่บันไดขั้นนั้น จากนั้นมาหากเด็กคนไหนพลาดเหยียบบันไดขั้นที่ 13 ก็จะถูกวิญญาณในบันไดผลักให้ตกบันได หรือ ดึงเข้าไปในโลกแห่งความตายเป็นเพื่อนของตน บางตำนานก็บอกว่าเด็กคนนั้นโดนเพื่อนแกล้งผลักตกบันไดคอหักตายกลายเป็นวิญญาณร้าย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชาวญี่ปุ่นก็เชื่อว่าบันไดขั้นที่ 13 จะนำโชคร้ายมาให้ ดังนั้นเวลาเดินขึ้นบันได ชาวญี่ปุ่นบางคนก็จะนับขั้นบันไดไปด้วย เพื่อไม่ให้เผลอเหยียบบันไดขั้นที่ 13 โดยไม่รู้ตัว

วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ซาชิกิวาราชิ ผีเด็กนำโชคประจำบ้าน

 ซาชิกิวาราชิ ผีเด็กนำโชคประจำบ้าน

ผีเด็กญี่ปุ่นนำโชค

ซาชิกิวาราชิ หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่าวิญญาณเด็กในห้องรับแขก เป็นเรื่องผีที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือรังเกียจ พร้อมที่จะต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะว่าซาชิกิวาราชิเป็นผีเด็กนำโชคที่นำพามาซึ่งโชคลาภมากกว่าความโชคร้าย สามารถปกป้องสมาชิกในบ้านจากอันตรายและสิ่งลี้ลับได้ด้วย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชอบซาชิกิวาราชิเป็นอย่างมาก 


ผีเด็กตนนี้มีทั้งเพศชายและหญิงในวัย 5-10 ขวบ เด็กหญิงจะไว้ผมทรงบ็อบสั้นหรือผมยาว และสวมใส่ชุดกิโมโนหรือชุดโบราณ ส่วนเด็กชายก็จะสวมชุดนักรบโบราณ ชอบกินขนมแบบเด็กๆ และค่อนข้างจะซุกซนตามประสา มักจะประจำอยู่ในห้องนั่งเล่นหรือห้องเก็บของของบ้านสไตย์โบราณ แต่ต้องไม่ทรุดโทรม บางครั้งก็ไปประจำอยู่ในห้องนั่งเล่นของโรงแรมต่างๆ 


หากมีซาชิกิวาราชิอยู่ในบ้าน สิ่งที่ต้องทำก็คือรักษาความสะอาดของห้องนั้นและพยายามไม่ให้คนเข้าออกห้องนั้นมากจนเกินไป เพราะซาชิกิวาราชิไม่ชอบสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ถ้าไม่พอใจ เธอจะหนีไปสิงสถิตบ้านหลังอื่นแทน และเมื่อซาชิกิวาราชิออกไปจากบ้านนั้น นอกจากจะถูกเรียกโชคลาภที่เคยได้ไปกลับคืนมายังอาจเกิดเรื่องร้ายแรง เช่น เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง หรือบางครั้งก็ถึงขั้นตายยกบ้านได้เลย 


ตามปกติแล้วจะมีเพียงเด็กๆ ที่อายุราวๆ กันเท่านั้นที่เห็นซาชิกิวาราชิ แต่ก็มีผู้ใหญ่บางคนที่สามารถมองเห็นได้ และว่ากันว่าใครก็ตามที่เห็นซาชิกิวาราชิจะได้รับโชคลาภตามมาทำให้มีหลายคนพยายามเชื้อเชิญให้ซาชิกิวาราชิเข้ามาอยู่ที่บ้าน ด้วยการเตรียมของเล่นเด็ก ขนม ลูกอม เสื้อเด็กมาวางไว้ในห้องนั่งเล่น แต่ก็มีเปอร์เซ็นที่จะสำเร็จน้อยมาก


เชื่อกันว่าต้นกำเนิดของซาชิกิวาราชิมาจากเด็กๆ ในยุคสงครามโบราณ ช่วงนั้นอาหารการกินฝืดเคือง พ่อแม่จึงฆ่าเด็กทิ้งเพื่อกำจัดปากท้องที่ไม่จำเป็น วิญญาณเด็กน้อยที่ตายอยู่ในบ้านอย่างเดียวดายอาจไม่รู้ว่าตนตายแล้ว จึงเดินทางไปสิงสถิตในบ้านต่างๆ เมื่อเห็นว่าบ้านไหนมีขนม มีเด็กๆ หรือมีความอบอุ่นก็จะสิงสถิตอยู่ในบ้านหลังนั้น ถ้าซาชิกิวาราชิตนไหนซุกซนหน่อยก็อาจจะออกมาเล่นออกมาคุยกับเด็กๆ ในบ้าน แกล้งวิ่งเล่นเสียงดังในตอนกลางคืน หรือปรากฏเป็นเงาผลุบโผล่ๆ ให้คนตกใจเล่น

วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผีถ้วยแก้ว

 ผีถ้วยแก้ว

ผีถ้วยแก้ว


ผีถ้วยแก้วคือวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในแก้วซึ่งถูกใช้เป็นสื่อในการเรียกวิญญาณมาถามไถ่ในเรื่องที่ข้องใจ ถือเป็นพิธีกรรมลึกลับที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน เชื่อกันว่าการเรียกวิญญาณนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากไม่ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องอาจถูกวิญญาณทำร้ายหรือสิงสู่ได้ เพราะบางครั้งวิญญาณที่เรียกมาก็กลายเป็นวิญญาณร้าย วิญญาณแค้น หรืออาจจะเป็นสัมเวสีในบริเวณนั้นที่จ้องจะเข้าร่างของคนเป็น


อุปกรณ์สำหรับการเรียกผีถ้วยแก้วประกอบด้วย 

1 กระดานอักษรที่มีตัวอักษร ก-ฮ วรรณยุกต์ สระ ตัวเลข 0-9 และคำว่าใช่ กับ ไม่ใช่ นอกจากนี้ยังมีคำว่า ที่พัก ไว้สำหรับตอนที่รอให้วิญญาณตอบคำถาม เพราะว่าวิญญาณไม่สามารถสื่อสารกับเราทางคำพูดได้ จึงต้องมีกระดานนี้เพื่อถ่ายทอดข้อความ นอกจากนี้ก็สามารถเพิ่มคำพูดอื่นๆ ที่ใช้บ่อยลงไปได้ตามต้องการ

2 ธูป 

3 แก้วใส

4. ผู้เล่นจำนวนสองคนขึ้นไปที่มีสุขภาพกายและจิตดี คิดแต่สิ่งที่บริสุทธิ์และมีความระมัดระวังในการถามคำถามวิญญาณ ห้ามดูถูกหรือพูดในสิ่งที่อาจทำให้วิญญาณโกรธ เพราะการทำให้วิญญาณโกรธอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์อันร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึง เช่น ถูกผีเข้า ถูกทำร้าย หรือถูกควบคุมร่างกาย ผู้เล่นจะต้องถอดสร้อยพระ ของขลังหรือสิ่งต่างๆ ที่ห้อยติดติดเพื่อป้องกันสิ่งลี้ลับออกจากตัวก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถเรียกวิญญาณได้ 


วิธีเล่นก็คือจุดธูปและเรียกวิญญาณ หากไม่ได้ระบุชื่อให้ชัดเจน อาจได้วิญญาณร้ายหรือสัมภเวสีบริเวณนั้นมาแทน นำแก้วมาครอบควันธูปให้เต็ม คว่ำลงบนกระดานอักษรโดยปิดให้สนิทไม่ให้ควันหลุดรอดออกมา จากนั้นให้ผู้เล่นทุกคนเอานิ้วแตะขอบแก้วเบาๆ และเริ่มถามคำถามต่างๆ โดยดูที่การเคลื่อนไหวของแก้ว ซึ่งในระหว่างนี้ห้ามเอานิ้วออกจากแก้วโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะถูกวิญญาณเข้าสิงได้ รวมถึงต้องระวังการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ รอบตัวรวมถึงการเคลื่อนไหวของแก้วและสีของควันในแก้ว หากควันธูปเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นแสดงถึงอันตรายให้รีบเชิญวิญญาณออกจากแก้วทันที 


เมื่อถามคำถามจนพอใจแล้ว ผู้เล่นจะต้องทำพิธีเชิญวิญญาณออกจากแก้วและขอบคุณที่วิญญาณมาตอบคำถาม จากนั้นก็ให้ทำลายอุปกรณ์การเล่นทั้งหมดเป็นอันจบพิธี มีหลายคนเชื่อว่าเมื่อเลือกจะเล่นผีถ้วยแก้วแล้วก็ต้องทำใจกับผลลัพธ์ที่ตามมา เช่น วิญญาณตามติด หรือ เจอปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้ เพราะการเรียกวิญญาณมาถามไถ่ถือเป็นการเปิดประสาทสัมผัสลี้ลับของคนๆ นั้นและไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้ บางคนอาจถูกสิ่งสกปรกเข้าตัว บางคนอาจถึงขั้นเห็นเป็นรูปร่างหรือดวงตก ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงได้


วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เปรตญี่ปุ่นสูง8ฟุต

ฮาจิชากุซามะ เปรตญี่ปุ่นสูงแปดฟุต

เปรตญี่ปุ่นสูง8ฟุต


เปรตญี่ปุ่นฮาจิชากุซามะ หรือ ผีสาวสูงแปดฟุต เป็นปีศาจที่มีลักษณะเป็นหญิงสาวผมยาว ผิวขาวโปร่งใส แขนขาลีบยาว สวมชุดประโปรงสีขาว สวมหมวกฟางปิดบังลูกตา เห็นเพียงรอยยิ้มบิดเบี้ยวน่ากลัว ส่วนสูง 8 ฟุตหรือ 244 ซม. บางครั้งก็บอกว่าเป็นหญิงชราหน้าตาอัปลักษณ์ใส่ชุดญี่ปุ่นโบราณ และส่งเสียงร้องว่า โปะ โปะ โปะ สามครั้ง เก่งเรื่องเลียนเสียงมนุษย์ และมักจะปรากฏตัวในพื้นที่แถบชนบท


ฮาจิชากุซามะเป็นเรื่องผีลักพาตัวเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่อยู่ในช่วงวัยประถม ความเชื่อนี้มีสองเหตุผลหนึ่ง คือ มันอาจจะอยากได้เด็กไปเลี้ยงดู หรือ สอง ต้องการความเยาว์วัยของเด็กน้อย มันจะลักพาตัวเด็กๆ เหล่านั้นไปสูบพลังชีวิตเพื่อคงความเยาว์วัยและงดงามของตัวมันเอง เหยื่อที่ฮาจิชากุซามะเลือกนั้นไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่นนอกจากเป็นเด็กผู้ชายก็พอ จึงเรียกได้ว่าเป็นการสุ่มเลือกเหยื่อ และถ้ามันหมายตาใครแล้วก็จะติดตามเหยื่อไปตลอด จากนั้นก็เลียนเสียงคนรู้จักของเหยื่อเพื่อหลอกให้ออกมาจากบ้านและฆ่าทิ้ง ส่วนใหญ่แล้วเหยื่อจะเสียชีวิตภายในหนึ่งถึงสองวันในบ้านของตัวเองในสภาพน่าสยดสยอง ตับไตไส้พุงถูกควักออกมา หรือบางรายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้จะยังไม่มีวิธีปราบฮาจิชากุซามะ แต่ก็มีวิธีป้องกันตัวในยามที่กลายเป็นเหยื่อของมัน หากใครเจอกับฮาจิชากุซามะแล้วหนีมาได้ มีโอกาสสูงมากที่จะโดนจับตัวไปในคืนเดียวกัน เด็กคนนั้นจะต้องขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งคืน ปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนา ไม่ขานรับหรือพูดกับใครคนอื่น วางเกลือบริสุทธิ์ผ่านการปลุกเสกไว้ที่มุมห้องทั้งสี่ด้าน และจะออกจากห้องได้เมื่อแสงอาทิตย์มาเยือนเท่านั้น


ว่ากันว่าเมื่อยามเช้ามาเยือนเกลือบริสุทธิ์จะกลายเป็นสีดำสนิทดุจความมืดเพราะมันถูกใช้ขับไล่ฮาจิชากุซามะผู้ชั่วร้ายจนหมดพลังแล้ว หลังจากนั้นต้องส่งเด็กออกจากพื้นที่ทันที บางรายถึงขั้นต้องหนีไปต่างประเทศเพื่อรักษาชีวิตเลย

วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผีกระจก บลัดดี้แมรี่ Bloody Mary

 ผีกระจก บลัดดี้แมรี่ Bloody Mary

ผีกระจก

ผีกระจก หรือบลัดดี้แมรี่เป็นวิญญาณของหญิงสาวที่สิงสู่อยู่ในกระจกที่จะไม่ปรากฏตัวออกมาหากไม่มีผู้อัญเชิญ ขั้นตอนการอัญเชิญนั้นประกอบด้วย ห้องน้ำมืดๆ ที่มีกระจก เทียนไข และผู้อัญเชิญ ผู้อัญเชิญจะต้องจุดเทียนไขหนึ่งเล่มแล้วเข้าไปในห้องน้ำที่มีกระจกโดยไม่เปิดไฟเพียงลำพัง จากนั้นก็ท่องคำว่าบลัดดี้แมรี่ 3 ครั้งติดกันที่หน้ากระจก ถ้าพิธีอัญเชิญสำเร็จก็จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวกระจกและเห็นเงาอันเลือนรางของบลัดดี้แมรี่ที่ปรากฏตัวในสภาพโชกเลือด ผมยาวกระเซิง เบ้าตากลวงโบ๋และกรีดร้องอย่างน่าสยดสยอง 


ผู้อัญเชิญจะประสบชะตากรรมอันเลวร้ายเป็นราคาที่ต้องจ่ายเมือเรียกวิญญาณร้ายออกมา เช่น ถูกควักลูกตาและถูกทำร้ายจนใบหน้าเสียโฉม ถูกฆ่าโดยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยกรงเล็บแหลมคมและจมอยู่ในกองเลือด หรือหายไปจากห้องน้ำอย่างไร้ร่องรอยและติดอยู่กับผีบลัดดี้แมรี่ในโลกกระจกไปตลอดกาล ความเชื่อเหล่านี้ทำให้เด็กวัยรุ่นมองว่าพิธีอัญเชิญบลัดดี้แมรี่เป็นพิธีทดสอบความกล้าอย่างหนึ่ง หากใครสามารถทำการอัญเชิญบลัดดี้แมรี่แล้วหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัยจะได้รับการยกย่องว่าเป็นคนกล้าหาญ


ตำนานที่มาของบลัดดี้แมรี่มีกล่าวว่า หญิงสาวที่ชื่อแมรี่เป็นหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามและเย่อหยิ่ง หมกมุ่นอยู่กับความงามของตัวเอง เอาแต่ส่องกระจกทุกวัน วันหนึ่งเธอประสบอุบัติเหตุร้ายแรงที่ทำให้เธอเสียโฉมกลายเป็นคนอัปลักษณ์ เมื่อเห็นสภาพของตัวเองในกระจก แมรี่ก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เธอเขวี้ยงกระจกจนแตกแล้วเอาเศษกระจกนั้นมาเชือดคอตัวเองตาย และวิญญาณก็ได้เข้าไปสิงสู่อยู่ในโลกของกระจก หากผู้อัญเชิญเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผีบลัดดี้แมรี่จะเกิดความอิจฉา พุ่งเข้าไปทำร้ายผู้อัญเชิญจนเสียโฉมเพราะไม่อาจทนให้คนอื่นสวยกว่าเธอได้


อีกตำนานเล่าาว่า เรื่องผีบลัดดี้แมรี่มีต้นแบบมาจาก อลิซซาเบธ บาโธรี่ สตรีผู้สูงศักดิ์ในสมัยโบราณที่จิตใจบิดเบี้ยวและวิปริต เธอชื่นชอบการทรมานสาวใช้และฆ่าคนด้วยวิธีที่อำมหิต วันหนึ่งเลือดของเด็กสาวที่ถูกทรมานกระเด็นมาโดนผิวของอลิซซาเบธและเธอก็รู้สึกว่าผิวที่เหี่ยวย่นกลับมาเต่งตึงขึ้นอีกครั้ง เธอจึงเชื่อว่าเลือดของหญิงสาวพรมจรรย์สามารถคืนความเยาว์วัยได้ ตั้งแต่นั้นมาอลิซซาเบธก็หาวิธีทรมานเรียกเลือดจากสาวใช้จำนวนมากให้เพียงพอที่จะอาบผิวในทุกๆ วัน ทำให้มีหญิงสาวจำนวนมากต้องเสียชีวิต อลิซซาเบธจึงถูกสาปแช่งและกลายเป็นวิญญาณร้ายติดอยู่ในโลกกระจกไปตลอดกาล

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ผีเสื้อคลุมสีแดง

 ผีเสื้อคลุมสีแดง

Aka Mantoอะกะมันโตะ (ผีญี่ปุ่นใส่เสื้อกั๊กสีแดง)

ผีเสื้อคลุมแดง อะกะมันโตะ

ประวัติผีเสื้อคลุมแดง อากะ มันโตะ

ผีเสื้อคลุมแดง อากะ มันโตะ เป็นผีญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในห้องน้ำเก่าๆ โดยเฉพาะห้องน้ำคอกที่สี่ เพราะหมายเลขสี่ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงความตาย ฉายาของเจ้าผีญี่ปุ่นตัวนี้ก็มาจากการที่มันสวมเสื้อคลุมสีแดงเลือดที่เชื่อกันว่าแต่เดิมเป็นเสื้อขาวแต่ถูกย้อมด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดง แยกแยะเพศไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงเพราะเสื้อคลุมที่ยาวปิดมาถึงเข่าและมองไม่เห็นใบหน้าของมันเพราะมีหน้ากากปกปิด แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือมันจะฆ่าเหยื่อไม่เลือกหน้า เป็นวิญญาณเฮี้ยนปรากฏตัวคอยหลอกหลอนผู้คนในห้องน้ำ


อากะ มันโตะจะปรากฏตัวและถามคนในห้องน้ำว่าชอบสีแดงหรือสีฟ้า หรือ อยากได้กระดาษสีแดงหรือสีฟ้า หากตอบว่าสีแดง ก็จะถูกอากะ มันโตะฆ่า หั่นร่างเป็นชิ้นๆ จนเลือดย้อมเสื้อผ้ากลายเป็นสีแดง หรือโดนถลกหนังจนเห็นเนื้อสีแดงฉานเหมือนกับว่าสวมเสื้อกั๊กสีแดง แต่ถ้าตอบว่าสีฟ้า ก็จะถูกอากะ มันโตะเอาเชือกรัดคอจนขาดอากาศหายใจตาย หรือถูกสูบเลือดออกไปจากร่างจนหมดทำให้ผิวกลายเป็นสีฟ้าซีดเหมือนศพ คำตอบที่ถูกต้องก็คือการไม่เลือกทั้งสองสี โดยตอบว่าไม่เอา ไม่ต้องการ จะเป็นการถ่วงเวลาได้ระยะหนึ่ง จากนั้นก็ให้รีบหนีออกจากห้องน้ำให้เร็วที่สุดเพราะเมื่อออกจากห้องน้ำที่เป็นอาณาเขตของอากะ มันโตะแล้ว มันก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้อีก และอย่าได้ตอบสีอื่นที่ไม่มีในตัวเลือกเด็ดขาดเพราะอากะ มันโตะไม่ชอบคนลองดีและจะลากคนๆ นั้นลงสู่ขุมนรก

เรื่องเล่าที่แพร่หลายเกี่ยวกับอากะมันโตะก็คือมีคนรายงานตำรวจว่าได้ยินเสียงแปลกๆ ในห้องน้ำหญิง ตำรวจหญิงจึงเข้าไปตรวจสอบและได้ยินเสียงปริศนาถามว่าอยากใส่เสื้อกั๊กสีแดงหรือเปล่า ตำรวจหญิงตอบว่าใช่ด้วยความตกใจ และหลังจากนั้นเพื่อนตำรวจที่รออยู่ข้างนอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็พบร่างของตำรวจหญิงถูกปาดคอนอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้น เลือดที่ไหลออกจากคอย้อมให้เสื้อของเธอกลายเป็นสีแดงฉานราวกับว่าเธอกำลังสวมเสื้อกั๊กสีแดงอยู่ไม่มีผิด

หลายคนเชื่อว่าเรื่องราวของอากะมันโตะมาจากข่าวฆาตกรโรคจิตที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำและฆ่าหญิงสาวที่ใช้ห้องน้ำตามลำพัง การฆาตกรรมนั้นโหดเหี้ยมมากจนเลือดของเหยื่อย้อมเสื้อผ้าของฆาตกกลายเป็นเสื้อสีแดง และเมื่อเรื่องราวถูกเล่าขานปากต่อปากก็เกิดการผิดเพี้ยนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องสยองขวัญมาจนถึงทุกวันนี้

วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566

แม่มด

 แม่มด

แม่มด

แม่มดคือหญิงสาวที่ฝักไฝ่เวทมนตร์คาถา มีรูปลักษณ์ที่หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงผมยาว แต่งกายในชุดคลุมยาว สวมหมวกแปลายแหลม ใช้ไม้กวาดบินไปตามท้องฟ้า และมีแมวเป็นสมุนรับใช้ ว่ากันว่าแม่มดจะสืบทอดทางสายเลือดและถ่ายทอดความรู้ผ่านการสั่งสอนโดยไร้ซึ่งตำรา เพราะการเป็นแม่มดจำต้องปิดบังตัวเองไม่ให้ผู้อื่นรู้เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย 


แม่มดนั้นสามารถเป็นได้ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย ผู้ที่ฝักใฝ่ฝ่ายร้ายจะทำสัญญากับซาตาน ด้วยการขายวิญญาณของตนแลกกับพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ โดยยอมเป็นเจ้าสาว เป็นทาสรับใช้ ประกอบพิธีกรรมต่างๆ โดยใช้การบูชายัญชีวิตคนหรือสัตว์บริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังใช้อวัยวะสดๆ หรือเลือดสดๆ ด้วย แม่มดจำพวกนี้จะถูกเรียกว่าแม่มดดำ 


เมื่อเป็นแม่มดแล้วก็จะใช้เวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสาปแช่ง ทำร้ายคน สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ ใช้พลังจากบรรดาภูตร้ายวิญญาณชั่ว ในขณะที่แม่มดฝ่ายดีหรือแม่มดขาวคือผู้ที่นับถือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่เป็นฝ่ายดี เช่น ภูตแห่งพงไพร นางฟ้า นักบุญ หรือพลังธรรมชาติ แม่มดประเภทนี้จะใช้พลังเพื่อช่วยเหลือผู้คน ปกป้องคนอ่อนแอ เยียวยาอาการบาดเจ็บ มีความเชี่ยวชาญในด้านการรักษาโดยใช้สมุนไพรธรรมชาติ ทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ หยิบยืมพลังจากธรรมชาติโดยไม่ทำร้ายใคร


ผู้หญิงในสมัยโบราณที่มีความเก่งกาจเหนือผู้อื่น มีรูปร่างพิกลพิการ มีรูปลักษณ์งามเหนือใคร หรือมีพฤติกรรมแปลกๆ มักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และในสมัยนั้นก็มีความหวาดกลัวแม่มดอย่างมากจนมีการล่าแม่มด ผู้หญิงที่น่าสงสัยจะถูกทางการนำตัวไปทดสอบ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือการทรมานให้ยอมรับว่าเป็นแม่มด และวิธีการทรมานนั้นก็แสนโหดร้ายน่าพรึงกลัวอย่างมาก เช่น เฆี่ยนประจาน เอาเข็มแทงตามร่างกายเพราะเชื่อว่าไม่มีอาวุธใดทำร้ายแม่มดได้ หรือ จับผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดไปถ่วงน้ำ หากเธอลอยขึ้นมาได้ก็ถือว่าเป็นแม่มดตัวจริง เพราะผู้คนเชื่อว่าแม่มดไม่มีวันจมน้ำ แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนยอมรับว่าตนเองเป็นแม่มด ก็จะถูกเผาทั้งเป็นอยู่ดี 


และเรื่องเล่าเหตุการณ์ของการล่าแม่มดที่โด่งดังที่สุดในโลกเกิดขึ้นในซาเล็ม รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 1692-1693 ถูกบันทึกว่าเป็นการพิจารณาคดีแม่มดที่ซาเลม มีหญิงสาวผู้โชคร้ายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดถึง 200 คน มีผู้ถูกประหารชีวิต 20 คน และเสียชีวิตในคุกอย่างน้อย 5 คน ถือเป็นการล่าแม่มดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์


วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566

 ตุ๊กตาผีสิงแอนนาเบล


ตุ๊กตาผีสิงแอนนาเบล เป็นหนึ่งในตุ๊กตาผีสุดเฮี้ยนที่โด่งดังไปทั่วโลก อย่าปล่อยรูปลักษณ์ภายนอกของมันหลอกคุณและอย่าไปแหย่มันเด็ดขาด เพราะมันมีทั้งโหดเหี้ยม ชั่วร้ายและอันตรายอย่างมาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างสองสามีภรรยา เอด และ ลอร์เรน วอลเรนก็ยังไม่อาจรับมือกับเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ได้ 


แต่เดิมแอนนาเบลเป็นเพียงตุ๊กตาผ้าธรรมดา มีผมสีแดงทำจากไหมพรม จมูกสามเหลี่ยมสีแดง สวมชุดสีขาวและถุงเท้าลายที่วางขายในร้านขายของเล่น ทว่า หลังจากที่หญิงสาวที่ชื่อดอนน่าได้รับตุ๊กตาแอนนาเบลเป็นของขวัญ แอนนาเบลก็เริ่มออกฤทธิ์ มันเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังสถานที่ต่างๆ แม้จะอยู่ในห้องที่ล็อคประตู มันก็สามารถออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้มันยังแสร้งทำเป็นว่าตัวมันคือวิญญาณของเด็กน้อยที่เสียชีวิตอย่างน่าสงสาร ทำให้ดอนน่าใจอ่อนและยอมเก็บมันไว้ 

แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายของเรื่องผีเรื่องนี้ เพราะแอนนาเบลเริ่มคุกคามชีวิตของดอนน่าและรูมเมทด้วยการกัด ขีดข่วนร่างกายจนเลือดไหลและบีบคอรูมเมทของดอนน่าจนแทบจะขาดอากาศหายใจตาย ถึงตอนนี้ดอนนารู้แล้วว่าสิ่งที่อยู่ในตุ๊กตาแอนนาเบลล์ไม่น่าจะใช่แค่วิญญาณเด็กผู้หญิง เธอจึงขอความช่วยเหลือจากบาทหลวงที่ติดต่อเอด และ ลอร์เรน วอลเรน อีกทีหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติทั้งสามเชื่อว่าวิญญาณที่สิงตุ๊กตาแอนนาเบลนั้นเป็นปิศาจร้ายในระดับเดียวกับซาตานที่่พยายามจะยึดครองร่างของคนเป็น และอาจทำร้ายหรือคนในบ้านทุกคน สองสามีภรรยาลอร์เรนไม่รอช้า รีบทำการไล่ผีและยอมรับว่าเป็นการไล่ผีที่ยากลำบากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา 

แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ทำได้เพียงกำราบมัน ไม่สามารถขับไล่ไปได้โดยสมบูรณ์ เพราะว่าหลังการไล่ผี สองสามีภรรยาลอร์เรนเกือบประสบอุบัติเหตุจนต้องทำการพรมน้ำมันใส่ตุ๊กตาอยู่ตลอดทาง บาทหลวงที่มาช่วยจัดการแอนนาเบลก็เกือบจะตายเพราะรถคว่ำ เหตุการณ์น่าพรึงกลัวเหล่านี้ทำให้แอนนาเบลถูกนำไปใส่ไว้ตู้กระจกพิเศษที่มีล็อค มีไม้กางเขนติดอยู่ด้านบน และเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมได้จนกระทั่ง

ปัจจุบัน มีเรื่องเล่ากันว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งได้ลองดีไปแคะกระจกตู้เก็บแอนนาเบลล์ ซึ่งถือว่าเป็นการรบกวน ปรากฏว่าหลังจากเขากลับออกไปเพียง 3 ชั่วโมง ก็ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่เจ้าตัวเป็นผู้ขับชนกับต้นไม้เสียชีวิตทันที


วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ผีตาโบ๋

 ผีตาโบ๋

ผีตาโบ๋

ผีตาโบ๋อาจเป็นผีที่หลายๆ คนคุ้นชื่อเป็นอย่างดี แต่ไม่รู้จักประวัติที่แท้จริงหรือรูปร่างของมัน แต่มันก็เคยเป็นผีที่มีชื่อเสียงในอดีต ทว่าในปัจจุบันมักถูกนำไปผสมรวมกับผีประเภทต่างๆ เนื่องจากมักลักษณะโดยรวมเหมือนกับผีทั่วๆ ไป ทว่าไร้ลูกตา ตรงส่วนที่ควรจะมีลูกตานั้นเป็นเพียงเบ้ากลวงโบ๋ พวกมันจะออกตามหาดวงตาที่หายไปของตนเองและอาจจะควักลูกตาของคนที่บังเอิญโชคร้ายเจอเข้ากับมัน ถือเป็นผีที่น่ากลัวมากประเภทหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลายคนอาจพบผีตาโบ๋เข้าโดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อกลายเป็นผี ผีทุกตนก็พร้อมที่จะแสดงความน่าสะพรึงกลัวที่สุดออกมา ส่วนผู้ที่พบเห็นผีก็คงไม่มีใครคิดจะรั้งรอเพื่อแยกแยะว่านี่เป็นผีอะไรก่อนจะวิ่งหลบหนีเป็นแน่


เชื่อกันว่าผีตาโบ๋เกิดจากคนที่เสียชีวิตโดยที่ศพไม่สมบูรณ์ ไม่มีลูกนัยน์ตาแล้ว จากอุบัติเหตุหรือจากการถูกฆาตกรรม นับเป็นผีตายโหงประเภทหนึ่ง เนื่องจากร่างกายไม่สมบูรณ์ จิตใจจึงมีห่วงต้องการของของตนเองกลับคืนมาจนกลายเป็นพันธะผูกมัด ไม่สามารถไปสู่สุขคติได้อย่างสงบ เหยื่อรายใดก็ตามที่เจอกับผีตาโบ๋ก็จะถูกมันควักนัยน์ตาออกไป พวกผู้ใหญ่ก็มักจะนำตำนานผีตาโบ่มาหลอกเด็กๆ ไม่ให้ออกไปเล่นนอกบ้านจนดึกดื่น ไม่อย่างนั้นอาจโชคร้ายโดนผีตาโบ๋ควักนัยน์ตาไป


เรื่องผีตาโบ๋เป็นที่รู้จักกันจากหนังในชื่อเดียวกันที่ออกฉายในปี 2524 เป็นเรื่องราวของแท็กซี่ฆาตกรที่ควักนัยน์ตาของผู้โดยสารไปให้เมียที่ตาบอด และเหยื่อรายหนึ่งที่ถูกควักนัยน์ตากลายเป็นวิญญาณมาหลอกหลอนฆาตกรและต้องการทวงคืนนัยน์ตาของตนเอง

ผีตาโบ๋มีพละกำลังมหาศาล สามารถควักนัยน์ตาของเหยื่อออกมาได้โดยง่ายดาย แต่ก็มีจุดอ่อนที่มองไม่เห็น ดังนั้นหากใครเจอผีตาโบ๋ ให้พยายามหาที่ซ่อน สงบจิต สงบใจ ไม่ขยันเขยื้อนพักหนึ่ง และระหว่างนั้นก็ให้กลั้นหายใจไว้ด้วยเพราะเมื่อผีตาโบ่ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว มันก็จะไล่ล่าเหยื่อไม่ได้

ผีตายทั้งกลม หรือ ผีตายท้องกลม

ผีตายทั้งกลม

ผีตายท้องกลม

ผีตายทั้งกลม เป็นผีตายโหงประเภทหนึ่งที่เกิดจากผู้หญิงที่เสียชีวิตขณะที่ทั้งต้องหรือคลอดลูกไม่ว่าจะเป็นถูกฆาตกรรมหรือได้รับอุบัติเหตุก็ตาม ซึ่งผีตายทั้งกลมที่โด่งดังที่สุดในประเทศไทยก็คือแม่นาคพระโขนง ผีตายทั้งกลมมันมักสิงสถิตอยู่ในสถานที่ที่ตนเสียชีวิต บางครั้งก็ออกไปหลอกหลอนผู้คนโดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กทารกหรือหญิงตั้งครรภ์เพราะความทุกข์ทรมานจากการคลอดลูกและมีจิตริษยาที่ผู้หญิงคนอื่นสามารถคลอดลูกได้อย่างปลอดภัย แต่ผีตายทั้งกลมที่ดุร้ายที่สุดเห็นจะเป็นหญิงสาวท้องกลมที่ถูกสามีฆ่าตาย พวกมันจะกลายเป็นวิญญาณแค้นที่ทำร้ายคนไม่เลือกหน้า


เนื่องจากเสียชีวิตพร้อมกันทั้งแม่และลูก ผีตายท้องกลมจึงมักปรากฏตัวพร้อมกันทั้งแม่และลูกเพราะดวงจิตที่ผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นในช่วงของความเป็นและความตาย ผู้คนจึงมักจะพบเห็นผีประเภทนี้พร้อมกับลูกน้อย เช่น ได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กจากบ้านที่มีหญิงตายทั้งกลม หรือเห็นผีผู้หญิงไกวเปลให้เด็กทารก หากต้องการปราบผีตายทั้งกลมจึงต้องทำการปราบไปพร้อมๆ กันและส่งให้ดวงวิญญาณของทั้งคู่ไปสู่สุขคติด้วยกัน ผีตายทั้งกลมกินเครื่องเซ่นไหว้หรืออาหารที่มีคนทำบุญถวายและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ไม่แตกต่างจากผีธรรมดาทั่วไป แต่บางคนก็เชื่อว่าผีตายทั้งกลมเป็นผีแม่ลูกอ่อน จึงมักจะนำนมผงหรือนมกระป๋องไปเซ่นไหว้เผื่อผีทารกด้วย 


โบราณเชื่อว่าการฝังหญิงท้องกลมจะต้องผ่าเด็กออกจากท้องแม่ที่เสียชีวิตเพื่อแยกกันไปทำพิธี โดยตัดเอาสายสะดือที่เป็นเหมือนสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกออกไป ผู้ทำพิธีนี้จะต้องเป็นหมอผีที่มีคาถาอาคมมากพอ ไม่และวิชาเหล่านี้เป็นไสยดำ หากเป็นหมอผีมือสมัครเล่นหรือมีวิชาไม่พอก็อาจถูกของเข้า บางครั้งก็อาจเป็นบ้าทำร้ายตัวเองได้ เมื่อตัดสายสะดือแล้วก็แยกนำร่างของทารกไปฝัง และนำร่างของแม่ไปเผาเพราะเชื่อว่าร่างของเด็กน้อยที่ยังไม่ลืมตาดูโลกนั้นยังไม่มีความยึดติดกับโลกหรือสิ่งอื่นใด สามารถนำไปฝังให้ร่างกลับคืนสู่ดินได้ในทันที

ส่วนผู้เป็นแม่ที่รู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานก่อนตายอาจกลายเป็นวิญญาณยึดติดหรือกลายเป็นผีร้ายได้ ต้องนำไปพิธีทางศาสนาให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นญาติพี่น้องหรือคนในครอบครัวจะอยู่ไม่เป็นสุข พบแต่เรื่องเดือดร้อน ข้อสำคัญก็คือทางญาติต้องให้ความยินยอมพร้อมใจด้วย